วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

กล้องโลโม่ ~

กล้องโลโม่

ภาพจาก : http://www.melovillareal.com/wp-content/uploads/2009/01/holga-lomo-camera-tips.jpg

มาเริ่มเล่าประวัติของเจ้ากล้องโลโม่กันเลยดีกว่า  โลโมกราฟี (อังกฤษ: Lomography) เป็นเครื่องหมายการค้าของ Lomographische AG ประเทศออสเตรีย สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับการถ่ายภาพ. โดยได้ซื้อสิทธิ์การใช้ชื่อมาจากโลโม (LOMO PLC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเลนส์ของรัสเซีย. กล้อง 35 มม. LOMO LC-A ถูกโปรโมตโดยผู้ที่ชื่นชอบในงานแสดงภาพต่างๆ ทั่วโลกเดิมทีกล้องโลโม่ออกแบบมาเพื่อใช้ในหน่วยงานสายลับของกองทัพรัสเซีย โดย LOMO ย่อมาจาก Leningrad Optical Machinery Organization ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลิตเลนส์เพื่อใช้ในโครงการอวกาศของกิจการกองทัพและผลิตเลนส์ที่ใช้ในกล้องโทรทัศน์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2526 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงและอุตสาหกรรมของสหภาพโซเวียตในขณะนั้น มีคำสั่งให้หน่วยงาน LOMO ผลิตกล้องเลียนแบบกล้องคอมแพคท์ของญี่ปุ่นขึ้นมาให้เร็วที่สุด ถูกที่สุดและมากที่สุด เพื่อแจกจ่ายให้พลเมืองรัสเซียทุกคนได้รู้จักการถ่ายรูป โดยมีคำขวัญว่า "คอมมิวนิสต์อันทรงเกียรติทุกคนควรมีกล้อง Lomo Kompakt Automat LC-A เป็นของตัวเอง" โดยผู้ผลิตกล้อง Lomo Kompakt Automat LC-A คือ Michail Aronowitsch Radionov อดีตสายลับ KGB
ต่อมาเมื่อในปี พ.ศ. 2534 Matthias Fiegl และ Wolfgang Stranzinger หนึ่งในผู้บริหารบริษัท Lomographische AG เดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก แต่ลืมนำกล้องถ่ายรูปไปด้วย จึงไปซื้อและได้รู้จักกับ
กล้อง Lomo Kompakt Automat โดยบังเอิญ และหลังจากได้ถ่ายและล้างรูปจากร้านล้างรูปธรรมดาในซุเปอร์มาร์เก็ตผลออกมา พบว่าภาพถ่ายมีสีสันจัดจ้านดูผิดเพี้ยน แต่มีความสวยงามจนทำให้พวกเขาได้หลงใหลกับภาพที่ปรากฏขึ้น และในปี 2535 Fiegl และเพื่อนได้จัดตั้งบริษัท Lomographische AG ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังจากนั้นไม่นานกระแสความนิยมในโลโม่กระจายไปทั่วโลก ภายใต้แนวความคิดว่า "Lomography is an analog lifestyle product"



 * นี่ก็เป็นกล้องโลโม่แต่ละรุ่นนะค่ะ สวยเท่ห์กิ๊ฟเก๋มั้ยค่ะเพื่อนๆ 555

เอกลักษณ์

โลโม่กราฟีเน้นการถ่ายภาพจากระดับเอว การใช้สีจัดเกิน สิ่งปนเปื้อนบนเลนส์ และจุดตำหนิอย่างจงใจ เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นศิลปะ เป็นนามธรรม เหล่านี้เป็นสิ่งที่นักถ่ายภาพโลโม่กราฟีนิยมชมชอบ. ด้วยขนาดที่เล็ก ทำให้กล้องโลโม่เป็นที่นิยมสำหรับการพกพา และใช้บันทึกภาพในชีวิตประจำวัน. นอกจากนี้ ความสามารถในการถ่ายในที่ ๆ มีแสงน้อยได้ ทำให้มันเป็นที่นิยมสำหรับการภาพทีเผลอ (แคนดิด)
การรายงานด้วยภาพ และภาพเหตุการณ์จริง (photo vérité, คำว่า vérité เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ความจริง)
คุณสมบัติของโลโม่แต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน เช่น Holka และ Diana เป็นกล้อง Medium Format, Actionsampler และ Supersampler สร้างภาพได้หลายเฟรมหลายแอคชั่นในการกดชัตเตอร์ครั้งเดียว, Pop- 9 จะให้ภาพซ้ำแบบ Pop Art, Colorsplash มีแฟลชที่เปลี่ยนสีได้, Fisheye ลักษณะภาพจะดูนูน ขอบรูปวงกลม ดีไซน์กล้องที่ดูกึ่งๆ คลาสสิก, LC-A+ มีการ Recite ในเชิงประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นกล้องโลโม่รุ่นแรกตั้งแต่สมัยสายลับรัสเซีย





* รูปก็จะออกมาหน้าตาเป็นอย่างงี้แหละจ้า

คติของโลโม่กราฟีคือ "ไม่ต้องคิด ถ่ายไปเลย" ("don't think, just shoot")
กฎ 10 ข้อ ของโลโม่กราฟี
1.             พกกล้องโลโม่ของคุณไปทุกที่
2.             ใช้มันตอนไหนก็ได้ - ทั้งกลางวันและกลางคืน
3.             โลโม่กราฟีไม่ใช่สิ่งสอดแทรก, แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ
4.             ถ่ายจากเอว
5.             เข้าใกล้วัตถุที่คุณต้องการความโลโม่ ให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้
6.             ไม่ต้องคิด
7.             ทำให้เร็ว
8.             คุณไม่จำเป็นต้องรู้ล่วงหน้าว่าคุณจะถ่ายได้อะไรในฟิล์ม
9.             และคุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้หลังจากถ่าย เช่นกัน
10.      ไม่ต้องห่วงเรื่องกฏหรอก


ภาพจาก : http://pirun.ku.ac.th/~b4910211/lomo.html

วีดิโอจาก : http://www.youtube.com/user/chaweemek

เป็นไงล่ะกับภาพสวยๆเท่ห์กิ๊ฟเก๋ของเจ้ากล้องโลโม่ :pP
เพื่อนๆคนไหนรักในการถ่ายภาพก็ลองไปหาซื้อกันได้นะค่ะ ไม่แพงเท่าไหร่จ้า.อิอิฅ


Thank : http://eiqman.exteen.com/20090825/entry


วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

G-dragon

 
G-dragon ~



ประวัติ  G-DRAGON !!
ฉายาในวง : G-DRAGON
ชื่อจริง : ควอน จียง (
권지용 - Kwon JiYong)
ตำแหน่งของวง : หัวหน้าทีม / แรปเปอร์
วันเกิด : 18 สิงหาคม 1988
ส่วนสูง : 179 ซม.
น้ำหนัก : 55 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : A
สมาชิกในครอบครัว : พ่อ, แม่ และพี่สาว
ความสามารถพิเศษ : แรป, เต้น, Beat Boxing, แต่งเพลง, ร้องเพลง, ภาษาจีน และ ภาษาอังกฤษ
งานอดิเรก : วาดรูป และ ฟังเพลง
ชอบ : แฟชั่น, แสดง, ทำอาหาร, คริส<font color=red>+++ โดนัท, สุนัข, รถยนต์, วาดรูป, หนังสือ, แมกกาซีน, ดูการ์ตูน
ประสบการณ์ และผลงาน :
- เปิดตัวกับอัลบั้ม Korea’s Hip Hop Flex ในปี 2001
- Perry 1st Album
- Lexy 1st Album ปี 2004
- YG Family 2nd Album ปี 2002, YMCA Baseball Program
- Swi.T 1st Album ปี 2002
- SE7En 1st & 3rd Album ปี 2006
- WheeSung 1st Album
- Masta Wu 1st Album ปี2003
- ร่วมแสดงใน "ONE Concert" ของค่าย YG Entertainment และค่าย M-BOAT ที่จัดขึ้นทุกๆปี




G-Dragon ทะยานคว้าอีก No.1 'Music Bank' 5 สัปดาห์ซ้อน

 
จีดรากอน (G-Dragon) หัวหน้าวง บิ๊กแบง (BIGBANG)
คว้าอันดับที่ 1 Music Bank K-Chart เป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน
25 กันยายน 2552 ในรายการ KBS 2TV 'Music Bank' จีดรากอน กับเพลงไตเติ้ลในผลงานเดี่ยวชุดแรก 'Heartbreaker' สามารถคว้าอันดับที่ 1 ในตารางได้อีกครั้งหนึ่ง และด้วยเหตุนี้เองทำให้การคว้ารางวัลในครั้งนี้ของเขาถือเป็นเวลาสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันในรายการ 'Music Bank' ก่อนหน้านี้ จีดรากอน ก็ยังสามารถคว้ารางวัล Mutizen Song ในรายการ SBS 'Ingygayo' รวมเวลา 3 สัปดาห์ซ้อนไปด้วยเช่นเดียวกัน
สำหรับในวันนี้จีดรากอนไม่ได้เข้าร่วมโชว์ในรายการ 'Music Bank' แต่อย่างใด



            
ภาพวีดิโอจาก  : http://www.youtube.com/watch?v=LOXEVd-Z7NE
  ยังไงเราก็ขอฝากติดตามผลงานของ จีดรากอน (G-Dragon)ทั้งวง บิ๊กแบง (BIGBANG)กันด้วยนะค่ะ



 Thank : http://maymiizimt.ob.tc/-View.php?N=1

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

Vans New Releases

  
Vans New Releases @ YEAH Shop

วันนี้เราก็มีรองเท้ารุ่นใหม่มาอัพเดท เป็น Vans
หลากหลายรุ่นซึ่งตอนนี้ก็ออกว่าขายแล้วที่ร้าน YEAH Shop ทุกสาขา




ภาพจาก http://overclockzone.com/
      Vans Zapato Del Barco Suede สองสีใหม่ ตัวรองเท้าเป็นหนังกลับ ราคา 2,690 บาท

 
     

Vans 45LX “Fixed” เชือกรองเท้าสะท้อนแสงสำหรับนักปั่น Fixed Gear ราคา 2,390 บาท


 

ภาพจากhttp://4.bp.blogspot.com/_KWx9FfdLdq8/TEWKBmCi_SI/AAAAAAAABkM/3avr_AxUmRE/s1600/3.JPG
Vans California Era Reissue Pack ราคา 2,790 บาท






Vans California Old Skool Reissue Pack ราคา 2,790 บาท





Vans Supercorsa รองเท้าสไตล์ใส่ปั่นจักรยาน ทรงอิตาเลียน ราคา 2,390 บาท





Vans California Era Wingtip Suede ราคา 2,790 บาท

เป็นยังไงกันบ้างค่ะกับรองเท้า vans
 เพื่อนๆคนไหนสนใจก็เชิญแวะไปชมไปอุดหนุนกันได้เลยนะค่ะ
 จะได้ใส่ไปอวดเพื่อนๆให้อิจฉาตาร้อนกันไปเลย  5555

Thank : http://chimneychannel.com/cc/comment/index/90

BMX STREET


BMX STREET คืออะไร?
 

หลายคนคงรู้จักและเคยเห็นจักรยานผาดโผนแบบทั่วๆไปกันมาบ้างแล้ว 
 แต่มีไม่กี่คนที่จะทราบว่าแต่ละประเภทเป็น
อย่างไรและแตกต่างกันยังไง  ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ BMX STREETB 
BMX STREETB  คือ รูปแบบการขี่จักรยานในรูปแบบ freestyle รูปแบบหนึ่งโดยใช้สภาพแวดล้อมตามท้องถนนเป็นอุปกรณ์ในการเล่น  เช่น  ราวเหล็ก,บันได,ผนังกำแพง  เป็นต้น  แต่ท่าทางหรือรูปแบบในการขับขี่นั้นจะออกมาสวยงามหรือแปลกแหวกแนว
อย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่จะฝึกซ้อมและคิดค้นทางทางใหม่ในการขี่



การนัดรวมตัวกันหรือสถานที่เล่นของ BMX STREETB  ก็มักจะเป็นตามถนน,ในสวนสาธารณะ,หรือถนนปิดที่ค่อนข้างมีอุปกรณ์ในการเล่นอย่างหลากหลาย 
เช่น  ถนนพื้นที่ว่างใต้สะพาน  ถนนในสนามกีฬา  เป็นต้น



ลักษณะของจักรยาน BMX STREETB  ช่วงของรถจักรยานประเภทนี้จะยาวกว่าของประเภทแฟลตแลนด์เล็กน้อย   และรูปทรงจะไม่แปลกเหมือนรถจักยานแฟลตแลนด์ก็เพราะสตรีทไม่ได้ใช้สำหรับเล่นท่าบนพื้นราบรูปทรงจึงไม่ออกแบบมาสำหรับเล่นท่า
แต่จะเน้นไปในการขี่และกระโดดซะส่วนใหญ่   ชิ้นส่วนต่างๆ ก็จะแตกต่างกันด้วย



                                                      ภาพจาก http://www.tarad.com/lbs/img-lib/spd_2007100934552_b.jpg

BMX STREETB 
- ตัวถังจะยาว
- ขาจานจะค่อนข้างยาวตั้งแต่ 175 เป็นต้นไป
- บันไดที่ใช้จะเป็นบันไดอลูมิเนียม เพื่อความทนทาน
- เบาะจะมีลักษณะต่ำมาก เพื่อช่วยให้เวลาที่กระโดดแล้วเบาะไม่กระแทก...
- ยางที่ใช้ส่วนใหญ่จะเส้นใหญ่ ตั้งแต่ 1.85 ขึ้นไป
- ขอบล้อทีใช้จะเป็นขอบล้อ 3 ชั้นเพื่อความทนต่อแรงกระแทกได้ดี

ทักษะที่ใช้ขี่จักรยาน  BMX STREETB   ที่ เน้นๆ เลยก็คือ การกระโดด (Bunny Hop)
การยกล้อหน้า (Manual)และการไถลบนราว (Grind)   และก็ยังมีท่าที่พลิกแพลงอีกมากมาย 
สำหรับจักรยาน BMX STREETB  จะต้องใช้ความกล้าพอควรเพราะมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง  ผู้เล่นจึงควรใส่อุปกรณ์ป้องกันทุกครั้ง และเมื่อคุณเล่นท่าพื้นฐานของประเภทนี้ได้จนเป็นหมดแล้ว  ที่เหลือก็อยู่ที่ใจคุณแล้วละว่า  “กล้าพอหรือเปล่า
ที่จะเล่นท่าผาดโผนกับอุปกรณ์บนท้องถนนเหล่านั้น

ภาพวีดิโอจาก : http://www.youtube.com/watch?v=Zpjsa56Dsck 

        thank: http://www.oknation.net/blog/thegang/2009/09/10/entry-5

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

จักรยาน ' BMX ' : }

                                          ประวัติจักรยาน ' BMX '  : }



                                                               ภาพจาก http://www.cajunbmx.com/a-BMX.jpg

 
                                         เรามาทำความรู้จักกับ ' จักรยาน BMX  '
                                              กันดีกว่าว่ามีความเป็นมาอย่างไร .

 ต้นกำเนิดจักรยานสองล้อรุ่นแรก ๆ ที่เป็นต้นแบบของจักรยานสองล้อในปัจจุบันมีกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อราวปี
พ.ศ. 2343 ในปี พ.ศ. 2408  ได้มีการผลิตจักรยาน 2 ล้อ รุ่นหนึ่งซึ่งมีตัวล้อเป็นเหล็กและมีขอบล้อทำด้วยไม้กำลังเคลื่อนล้อได้มาจากแรงปั่นด้วยเท้าบนบันไดทั้งสองของรถจักรยานเหมือนกับในรถสามล้อถีบปัจจุบันในช่วงต่อมาได้มีการใช้ล้อทำด้วยยาง    และในราวปี พ.ศ. 2423-2433  ขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางล้อหน้าได้ขยายใหญ่ขึ้นถึง 60  นิ้ว  ซึ่งทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้เป็นระยะทางถึง 16  ฟุต จากการปั่นบันไดรถจักรยานหมุน 1 รอบ  อันมีผลให้มันสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง  ทั้งในแนวราบและวิ่งลงเขาแต่สำหรับการขี่ขึ้นทางชันนั้นจะต้องออกแรงเป็น อย่างมาก นอกจากนั้นการที่จุดศูนย์ถ่วงของตัวจักรยานอยู่สูงทำให้มันมีแนวโน้มที่จะ พลิกคว่ำหรือเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย  ดังนั้น  ในราวปี พ.ศ. 2428  จึงได้มีการผลิตจักรยานรุ่นใหม่ที่มีรูปลักษณะเหมือนจักรยานสมัยใหม่ใน ปัจจุบัน คือ ล้อทั้งสองมีขนาดเท่ากัน  และมีเฟืองที่บันไดรถ  เพื่อถ่ายทอดกำลังผ่านโซ่ไปยังล้อหลัง  ทำให้เกิดลักษณะการขับขี่มั่นคงกว่าเดิม  และยังให้อัตราทดกำลังด้วยการเลือกใช้เฟืองทดกำลังที่เหมาะสมสำหรับขับขี่ โดยเฉพาะด้วยความเร็วต่ำแต่เบาแรงกว่าในขณะปั่นขึ้นเขาหรือทางชัน




' จักรยาน BMX เกิด ขึ้นประมาณยุค 70 ' 

ในทางตอนใต้ของคาลิฟอร์เนีย โดยกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งได้ปรับแต่งจักรยานขนาดล้อ 20 นิ้ว ซึ่งพวกเขาได้แรงบรรดาลใจจากการชมภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการแข่งขัน จักรยานยนต์  Motocass  แล้วทำให้เป็นที่นิยมกันมากในตอนนั้น การแข่งขันจักรยานวิบากแบบ BMX (Bicycle Moto Cross)  ที่มีวงล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 นิ้ว ในประเภทความเร็ว(Racing) ได้เป็นที่นิยมกันมากในประเทศสหรัฐอเมริกาและได้แพร่ขยายไปทั่วโลกในเวลาอัน รวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานนักขี่หลายๆคนได้ฝึกท่าทางพลิกแพลงผาดโผนในแบบต่างๆ เพื่อความสนุกสนาน และใช้โชว์ออฟกันในกลุ่มเพื่อนๆ ทั้งยังเป็นการฝึกทักษะในการควบคุมรถได้อย่างดี และเมื่อมีโอกาส ก็มักจะได้นำท่านั้นมาออกโชว์กันในช่วงพักของการแข่งขัน หรือในการโปรโมท์ ให้กับสปอนเซอร์ของตน ซึ่งจะเรียกความสนใจจากผู้คนได้ดีทีเดียว ต่อมาเมื่อมีท่าทางหลากหลายมากขึ้น  
นักขี่หล่าวนั้นได้หันมาเน้นฝึกแต่ท่าพลิกแพลง(Tricks) อย่างจริงจัง จน กระทั่งได้กลายเป็นกีฬาประเภทใหม่ที่เน้นฝึกเฉพาะแต่ท่าผาดโผนอย่างเดียวและได้พัฒนาท่าพลิกแพลงเหล่านี้ให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น



                               ภาพจาก http://www.odysseybmx.com/dailyword/archives/AaronDubai-thumb.jpg

สิ่งที่น่าสนใจคือในยุคนั้นท่ายังไม่มีมากนัก จึงมีการคิดค้นลีลาต่างๆ ออกมาใหม่ ตลอดเวลา นักขี่แต่ละคนจะมีท่าเป็นของตนเอง ไม่ค่อยจะซ้ำกันนัก นักขี่กลุ่มนี้จึงถูกขนานนามว่า "Freestyler" และได้เริ่มมี การจัดการแข่งขันเฉพาะทางขึ้น นักขี่ที่มีชื่อที่สุด
คนหนึ่งในช่วงนั้น คือ Bob Haro ซึ่งถือได้ว่าเป็น "Father of Freestyle" (ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทจักรยานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่ง





ใน ราวปี 1985 เป็นต้นมา ทางบริษัทผู้ผลิตจักรยานหลายๆราย ได้มีการผลิตอะไหล่ ที่ทำไว้สำหรับการเล่นท่า Freestyle ได้แก่ตัวถังที่มีที่ยืนตรงหลักอาน, ที่ยืนตรงแฮนด์, ที่ยืนตรงแกนล้อ และตะเกียบฯลฯ  การจัดแข่งขันเริ่มมีมากขึ้นมีการรวมตัวนักขี่ผาดโผน จัดตั้งเป็นทีม Freestyle  อย่างเต็มรูปแบบ ในช่วงนี้เอง ที่สมาคม AFA(American Freestyle Association) ได้เข้ามาผูกขาดในการจัดแข่งขันครั้งใหญ่ๆ นักขี่เอือมกับกติกาหยุมหยิม เช่น Flatland ก็ให้ใส่หมวกกันน๊อก และกรรมการเป็นคนธรรมดาไม่รู้จักการให้คะแนน โดยเฉพาะท่ายากๆหรือท่าใหม่ๆ  แบนนักขี่ที่ไปแข่งงานอื่น  จัดแบ่งรุ่น(Class)ละเอียดยิบ ซึ่งนอกจากจะแบ่งตามรุ่นอายุ ยังมีรุ่นสมัครเล่น ( Amateur ) และรุ่นมืออาชีพ ( Pro ) ซึ่งนักขี่จะลงได้หลายรุ่น ปัญหาจึงอยู่ที่คนที่มีฝีมือดียังไม่ยอม Turn Pro ง่ายๆเพราะยังหวงตำแหน่งอยู่ต่อมาในยุค 90  AFA ยกเลิกการจัดแข่ง ทำให้วงการเงียบเหงาไปพักหนึ่ง แต่ก็ได้ Mat Hoffman ซึ่งเป็นนักขี่ ได้ริเริ่ม จัดงานแข่งขึ้นเองชื่อ Bike Stunt Series หรือ BS ซึ่งเป็นการปลุกผีวงการขึ้นมาอีกครั้ง และได้ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนกระทั่ง ESPN ช่องกีฬายักษ์ใหญ่ได้มาติดต่อขอซื้อรายการต่อ  จัดให้มีการนำภาพจากการแข่งไปออกอากาศทั่วโลก และต่อมาได้รวบรวมกีฬาสุดขั้วหรือ Extreme Sports เข้าไว้ด้วยกันภายใต้ชื่อ “X-GAMES”


       ภาพจาก https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdg4lnA_uqAolxYGGLwaqMVZFN3jQQ_sh6Zz0J03qxwFw-QtP0gmMUlfDkXBvfMVAdgjHYuPOdEJoCW5m7iBC9SHcWAZ8JFX7W9czZkqbV7qhHwfFAcbJGE9ZSY8B7ATGhlDFh9dMNpDJR/s1600-h/5.jpg
 


     BMX คือ ความแตกต่าง ความโดดเด่น และไม่ยึดติดกับสังคมแบบเดิมๆ คือ การปลดปล่อยความเป็นอิสระในตัว  
                                 ไม่ใช่แค่รู้จักจักรยาน BMX เท่านั้น แต่ต้องเกิดมาเพื่อสิ่งนั้นด้วย
              
มีของดีก็เอาออกมาโชว์กันดีกว่า
ไม่ว่าจะเป็นลีลาท่าทางการเล่น BMX เอาออกมาโชว์ให้สาวๆกรี๊ดกันดีกว่าวัยรุ่น 55555
ถ้าเรารักในสิ่งที่เราชอบเราก้วิ่งเข้าไปหามัน อย่ารอให้มันวิ่งมาหาเรา  !

หัวใจติดล้อ

         *  ข้อมูล ภาพ และ วีดิโอนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เราได้หยิบนำมาฝากเพื่อนๆที่รัก ' จักรยาน BMX ' เหมือนกับเรา

เราจะไปทุกที่ ที่มีทาง : D


 thank : www.thaibmx.com